การศึกษาเรื่องปัจจัยการทะเลาะวิวาทของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่
5
เกิดความสนใจว่าทำไมนักเรียนเหล่านี้เกิดปัญหาทางด้านพฤติกรรมที่ไม่ดี
มีนิสัยเกเร ก่อการทะเลาะวิวาท
ซึ่งพฤติกรรมหรือการกระทำผิดของนักเรียนเหล่านี้หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจจะเปลี่ยนไปสู่การกระทำที่เป็นอาชญากรรมก็ได้
ดังนั้นผู้วิจัยได้กำหนดเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาดังต่อไปนี้
1). เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความหมายของวัยรุ่น
2.) เอกสารที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมความรุนแรง
2.1)
ความหมายของพฤติกรรมความรุนแรง
2.2)
ประเภทของพฤติกรรมความรุนแรง (Typology of Violence)
2.2.1) ความรุนแรงในวัยรุ่น
2.2.2) ความรุนแรงต่อตนเอง (Self-directed Violence)
3) สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรง
3.1)
สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัว
3.2)
สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงของวัยรุ่น
3.3) สาเหตุความรุนแรงทางสังคม
4) แนวทางป้องกันพฤติกรรมความรุนแรง
1.
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความหมายของวัยรุ่น
มีผู้ให้ความหมายเกี่ยวกับวัยรุ่นไว้
ดังต่อไปนี้
คําว่า “วัยรุ่น” ในภาษาอังกฤษใช้คําว่า “Adolescence” มาจากภาษาลาตินว่า
“Adolescer”หมายความว่า “To Grow in to Maturity” แปลว่า การเจริญเติบโตสู่วุฒิภาวะหรือเป็นวัยที่พัฒนามาจาสภาวะความเป็นเด็กไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่
เฮอร์ลอค (Hurlock.1973:391)
โครว์ (Crow.1961:113) ได้ให้ความหมายของวัยรุ่นว่า
การเจริญเติบโตอันเป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่
เด็กจะพัฒนามาจากการพึ่งพิงผู้ใหญ่ไปสู่ความเป็นอิสระอย่างเห็นได้ชัดในทุกๆด้าน
และการที่เด็กจะบรรลุถึงขั้นวุฒิภาวะนั้นมิใช่เจริญเติบโตแต่เพียงด้านร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น
ทางด้านจิตใจก็เจริญเป็นเงาตามไปด้วย นั่นคือต้องมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านไปพร้อมๆกัน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ศรีเรือน แก้วกังวาล (2545:329) ให้คําจํากัดความของวัยรุ่นว่า เป็นวัยที่มีพัฒนาการลักษณะเด่นในด้านต่างๆ
ทุกด้าน เช่น ทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก
และเห็นได้ชัดเจน วัยรุ่นมีความแตกต่างจากวัยอื่นๆ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากในทุกด้านของพัฒนาการ
2.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมความรุนแรง
2.1
ความหมายของพฤติกรรมความรุนแรง
ปัญหาพฤติกรรมความรุนแรงทั้งต่อตนเอง
และต่อผู้อื่นไม่เคยหมดไปจากสังคม หรืออาจ
กล่าวได้ว่ามีเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา
ก่อผลเสียหายมากมายต่อชีวิต และเป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขของสมาชิกในสังคมไม่ว่าจะเป็น
เชื่อชาติใด วัฒนธรรมใด ล้วนมีความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ดังจะมีผู้ให้ความหมายที่หลากหลายต่อพฤติกรรมความรุนแรง
ดังต่อไปนี้
ดอลลาร์ท และคนอื่นๆ (Citing Dollard; et
al.1939; Reiso & Roth.1993: 35) กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้ความรุนแรงที่มีต่อความรุนแรงระหว่างบุคคลได้ถูกให้คําจํากัดความว่าเป็นพฤติกรรมของบุคคลที่
ต่อสู้กับบุคคลอื่น ซึ่งตั้งใจหรือพยายามที่จะคุกคาม หรือทําให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง
พฤติกรรมเหล่านี้ถูกรวมอยู่ในคําจํากัดความที่กว้างกว่าคําจํากัดความของความก้าวร้าว
บาร์เดน (Barden. 1994: 94) ให้ความหมายว่า การใช้กำลังทางกายหรือพลังอำนาจในการคุกคามผู้อื่น
ให้บาดเจ็บทางกายหรือทางจิตใจ
หรือทําให้รู้สึกขาดความปลอดภัยรวมถึงการเมินเฉยและการละเลยด้วย
พรดี ลิมปรัตนากร (2547:44) ให้ความหมายว่า พฤติกรรมความรุนแรง หมายถึง การกระทําที่ เป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งทางร่างกาย
วาจา และจิตใจ ต่อตนเอง ผู้อื่น กลุ่มคน หรือชุมชน อย่างจงใจ โดยการบังคับ ขู่เข็ญ
ทําร้าย ทุบตี คุกคาม กีดกันเสรีภาพ ทั้งในที่สาธารณะและในการดําเนินชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นผลหรืออาจเป็นผลให้เกิดการบาดเจ็บ
การตาย ความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกาย และจิตใจแก่ผู้ถูกกระทํา
ในคํานิยามนี้ ได้ครอบคลุมทั้งอันตรายต่อจิตใจและทําให้เกิดการพัฒนาไปในทางที ไม่ดี เช่น การบาดเจ็บและการเสียชีวิต
2.2
ประเภทของพฤติกรรมความรุนแรง (Typology of Violence)
ประเภทของพฤติกรรมความรุนแรง ผู้วิจัยได้นําเสนอเฉพาะความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
อาจแบ่งประเภทได้ดังต่อไปนี้
2.2.1 ความรุนแรงในวัยรุ่น
ความรุนแรงในวัยรุ่นในสังคมปัจจุบันมีจํานวนมากขึ้น และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดังเราจะเห็นเป็นข่าวที่ปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทั่วไป เช่น
เด็กนักเรียนอาชีวะยกพวกตีกัน
เด็กวัยรุ่นใช้ปืนยิงคู่อริ และยิงตัวตายกลุ่มเด็กวัยรุ่นรุมข่มขืนเด็กผู้หญิง
ฯลฯ มีการใช้อาวุธที่รุนแรงและอันตราย เช่น มีด ปืน วัตถุระเบิด
ความรุนแรงในเด็กวัยรุ่นนําไปสู่สาเหตุการตายในเด็กวัยรุ่นมีจํานวนมากขึ้นนอกจากสาเหตุจากอุบัติเหตุจากยานยนต์ที่เคยเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง
เด็กวัยรุ่นเป็นช่วงระยะเวลา
ของการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ
วุฒิภาวะทางด้านอารมณ์ การปรับตัวเข้าอยู่ในสังคม ที่สําคัญโดยธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น
เป็นช่วงระยะเวลาแห่งการเรียนรู้หาประสบการณ์ อยากลองสิ่งแปลกใหม่และทําในสิ่งที่ท้าทาย
โดยมีความรู้สึกว่าตนเองแน่ เก่ง ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดกับคนอื่นจะไม่เกิดกับตนเองและไม่คํานึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคตซึ่งเป็นสาเหตุนําไปสู่การมี
พฤติกรรมเสี่ยงหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ในวัยรุ่นมากมาย
2.2.2 ความรุนแรงต่อตนเอง (Self-directed
Violence)
องค์การอนามัยโลก (2002: 20) ให้ความเห็นว่าความรุนแรงต่อตนเอง (Self-directed Violence) เป็นความรุนแรงที่กระทําต่อตนเองโดยตรง ได้แก่พฤติกรรมฆ่าตัวตาย และ
การทําร้ายตนเอง ครอบครัวเป็นสาเหตุหนึ่งที่สําคัญที่ทําให้วัยรุ่นฆ่าตัวตัว
กล่าวคือพ่อ แม่มีความขัดแย้งกันทะเลาะกันอยู่เสมอ
สัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัวไม่ดี ครอบครัวไม่มีความยืดหยุ่นไม่สามารถปรับเปลี่ยนสัมพันธภาพตามความต้องการของสมาชิกในครอบครัวได้
3. สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรง
สาเหตุของการใช้พฤติกรรมความรุนแรงอาจจําแนกสาเหตุตามประเภทของการใช้ความรุนแรงได้ดังต่อไปนี้
3.1
สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัว
ครอบครัวคือรากฐานของทุกชีวิต
บุคคลจะมีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ สังคมที่ ดีได้ เกิดจากประสบการณ์การอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็ก
ครอบครัวจึงเป็นสังคมแรกของเด็กที่จะเรียนรู้ และขัดเกลาทาสังคม จนเมื่อถึงวัยที่ต้องเข้าสู่กระบวนการทางการศึกษาพ่อ
แม่ก็ยังต้องให้ความรัก ความห่วงใย คอยแนะแนวทางความประพฤติที่ดีให้กับลูก
แต่การที่เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีความก้าวร้าว ต่อผู้อื่นก็ได้รับระสบการณ์ที่รุนแรงจากครอบครัวมาก่อน
ดังต่อไปนี้
อรอนงค์ อินทรวิจิตร และ นรินทร์ กรินชัย (2542: 7-10) ได้ให้ความเห็นถึงสาเหตุความรุนแรงในครอบครัวไว้ 3
ประการดังนี้
1. ขาดความพร้อมในการพัฒนาบุคลิกภาพของบุคคล
กล่าวคือ การที่บุคคลไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูด้วยความรักความเข้าใจ ความเมตตาและเอื้ออาทรต่อกันในฐานะเป็นสมาชิกในครอบครัว
หรือการที่บุคคลเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ชอบแสดงพฤติกรรมที่ รุนแรงต่อกัน ทั้งทางกาย วาจา และมีเจตคติในทางลบต่อเพศตรงข้ามซึ่งเป็นความรุนแรงที่ซ่อนเร้น
ทําให้เกิดการดูดซับเอาพฤติกรรม การกระทําการใช้วาจา และความคิดนําไปสู่การเบียดเบียนและเอาเปรียบทางเพศ
2. ความเจ็บป่วยทางจิตใจ
อาการทางจิตและทางประสาทและตกเป็นทาสของสุราหรือสารเสพติด
อื่นๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่นําไปสู่พฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัวและสังคมไทยโดยส่วนรวม
เช่น การฆ่าทําร้ายบุตร ภรรยา เป็นประจําเมื่อมีอาการมึนเมา หรือยาบ้าออกฤทธิ์ หรือเกิดอาการประสาทหลอน
บางกรณีฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่นด้วยวิธีการต่าง ๆ
3.
สาเหตุจากครอบครัว มีหลายปัจจัย ได้แก่
3.1 ลักษณะครอบครัวที่เป็นครอบครัวเดี่ยวอยู่กันตามลําพังแยกจากคนอื่น
และมีการควบคุมโดยสังคมน้อย หรือไม่มีใครมายุ่งกับครอบครัวเลย ลักษณะแบบนี้จะเกิดความรุนแรงได้มากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่ก่อตั้งขึ้นโดยปราศจากความพร้อม
3.2 ครอบครัววิกฤต มีภาวะที่สมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต
พิการทุพพลภาพกะทันหัน ภาวะการตกงาน การทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจํา
3.3 ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ยากจน ขาดแคลน เป็นหนี้สิน
หรือธุรกิจล้มละลาย
3.4 ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องของชีวิตสมรสและการเป็นพ่อแม่ได้แก่ ครอบครัวที่มี
ลูกมาก
พ่อแม่จะประณามลูกว่าลูกเป็นต้นเหตุของความยากลําบาก และความขัดสนต่างๆ แม่ที่ทุกข์ทรมานมากเมื่อตั้งครรภ์และคลอด
อาจเกลียดเด็กและทําทารุณต่อเด็กได้ พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจจิตวิทยาและความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก
จะโกรธลูกเสมอหงุดหงิดและทําร้ายเด็ก เด็กจะเป็นเป้าและถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของความยุ่งยากและปัญหาต่างๆ
ในครอบครัว และทําให้สมาชิกในครอบครัวเครียด
3.2
สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงของวัยรุ่น
สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงในวัยรุ่น
ดังต่อไปนี้
ปัจจัยเสี่ยงของความรุนแรงในวัยรุ่น
องค์การอนามัยโลก (2002:
17) ได้ให้ความเห็นไว้ 2ประการคือ
1.
ปัจจัยส่วนบุคคล เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพและพฤติกรรมของวัยรุ่น
ได้แก่ ธรรมชาติของวัยรุ่นเป็นวัยที่มีความมุทะลุใจเร็ว หุนหัน ก้าวร้าว
เป็นต้นขาดการควบคุมพฤติกรรมที่เหมาะสม
ด้อยต่อการศึกษา มีปัญหาขาดการดูแลเอาใจใส่
และมีประสบการณ์ในการทําร้ายผู้อื่ นมีเจตคติความเชื่อที่ผิดมีประสบการณ์ถูกทําโทษทางกายหรือเคยพบเห็นความรุนแรง
2. ปัจจัยครอบครัวและคนใกล้ชิด
สิ่งแวดล้อมทางครอบครัวเป็นปัจจัยที่สําคัญในการพัฒนาพฤติกรรมความรุนแรงของวัยรุ่น
ได้แก่
2.1 บิดามารดาผู้ปกครองขาดการดูแลเอาใจใส่ควบคุมตั้งแต่เด็กและใช้การลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง
หยาบคาย
2.2
บิดามารดามีความขัดแย้งกัน ครอบครัวขาดความสัมพันธ์ความผูกพันกัน
มักมีการทําร้ายกันในบ้าน
2.3 มารดามีบุตรเมื่ออายุยังน้อย
2.4 มีประสบการณ์ที่บิดามารดาแตกแยกหรือหย่าร้างกันตั้งแต่วัยเด็ก
2.5 คบเพื่อนไม่ดี
3.3 สาเหตุความรุนแรงทางสังคม
องค์การอนามัยโลก (2002:
17) ได้ให้ความเห็นว่าสาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงทางสังคม ปัจจัยชุมชนและสังคมเป็นปัจจัยที่นําไปสู่ความรุนแรงและ
เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งสังคม การเมือง และวัฒนธรรม ได้แก่
1. การรวมกลุ่มเป็นแก๊งของวัยรุ่น
มีการจัดหาอาวุธปืน ยา และใช้กําลังต่อสู้กันระหว่างกลุ่ม
2. มีสื่อที่ปรากฏให้เห็นความรุนแรงและความก้าวร้าว
3. ขาดความร่วมมือประสานงานและความสัมพันธ์ของชุมชนอยู่
ในระดับต่ำ เป็นชุมชนเมืองใหญ่ที่ ต่างคนต่างอยู่ขาดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันชุมชนมีการทําร้ายฆาตกรรมกันสูงมีความยากจน
เมืองที่ไม่มีความสงบ จลาจล หรือสงคราม มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
4. ประเทศที่มีการปกป้องสิทธิมนุษยชนต่ำ
ความแตกต่างของชนชั้นสูง วัฒนธรรมที่เอื้อให้เกิดความรุนแรง
5.แนวทางป้องกันพฤติกรรมความรุนแรง
ปัญหาความรุนแรงในสังคม เป็นปัญหาเรื้อรังทีมีคู่กับคนในสังคมมายาวนาน
สร้างความเสียหายให้กับชีวิต และทรัพย์สิน รวมถึงผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเหยื่อ
และผู้ใกล้ชิดในครอบครัว ที่ประเมินค่าไม่ได้ หลายหน่วยงานร่วมรณรงค์ ต่อต้านความรุนแรงต่อสตรี
และเด็ก แต่ในปัจจุบันความรุนแรงในสังคมก็ยังไม่ได้ลดลงไป นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความคิดเห็นในการป้องกันปัญหาความรุนแรงดังต่อไปนี้
องค์การอนามัยโลก (2002: 25-29) ซึ งแบ่งเป็นการป้ องกัน 4 ด้านดังนี้
1.การป้องกันด้านตัวบุคคลการป้องกันที่ตัวบุคคลมีจุดประสงค์สองประการ
คือ ประการแรกต้องสนับสนุนและเสริมสร้างเจตคติและพฤติกรรมที่ดีในเด็กและวัยรุ่นเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมความรุนแรง
ประการที่สองเปลี่ยนเจตคติและพฤติกรรมในบุคคลที่ก่อความรุนแรงหรือมีความเสี่ยงที่จะใช้ความรุนแรง
2. การป้องกันทางด้านความสัมพันธ์ของบุคคลเป็นการป้องกันในระดับครอบครัว
คือ ส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีงามของครอบครัว และแก้ไขสัมพันธภาพที่ไม่ถูกต้องในครอบครัว
อาจเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อและผู้กระทําความรุนแรง เช่น
ความขัดแย้งในชีวิตแต่งงาน การขาดความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างบิดามารดาผู้ปกครองและเด็ก
และอิทธิพลทางลบจากผู้ใกล้ชิดหรือเพื่อน
3. การป้องกันทางด้านชุมชนเป็นการสร้างความรับรู้และตื่นตัวเรื่องความรุนแรงให้แก่สังคม
กระตุ้นให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทร่วมแก้ปัญหา และส่งเสริมให้มีระบบดูแลเหยื่อที่ได้รับความรุนแรง
4. การป้องกันทางด้านสังคม เป็นการป้องกันที่มีเป้าหมายไปที่ปัจจัยด้านวัฒนธรรม
สังคม และเศรษฐกิจเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย นโยบาย
สังคมโดยรวมและวัฒนธรรมความเชื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น