การศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยทีมีผลต่อการทะเลาะวิวาทของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่
5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
1.การศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร (Documentary Research) ในส่วนนี้เป็นการค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
โดยได้ศึกษาทฤษฎีและแนวคิดจากหนังสือ เว็บไซต์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานอ้างอิงในการศึกษา
2.การศึกษาภาคสนาม (Field
Research) โดยออกแบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนม.5
ที่อยู่ในโรงเรียนพะเยาพิทยาคม ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่ได้กำหนดไว้ เพื่อศึกษาปัจจัยทีมีผลต่อการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันของนักเรียนในโรงเรียนพะเยาพิทยาคม
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่
5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ที่เคยและไม่เคยพบเห็นหรือมีส่วนร่วมในการทะเลาะวิวาททั้งทางตรงและทางอ้อม
มีนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งหมด 605 คน
กลุ่มตัวอย่าง
การวิจัยครั้งนี้
เลือกนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่5 โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ที่เคยและไม่เคยพบเห็นหรือมีส่วนร่วมในการทะเลาะวิวาททั้งทางตรงและทางอ้อมจำนวน
30 คน จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5ทั้งหมด
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ผู้ศึกษาได้ใช้แบบสอบถามมาเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
โดยอาศัยแนวความคิดทฤษฎี ผลการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
โดยมีรายละเอียดในการสร้างเป็นขั้นตอนดังนี้
ตอนที่ 1
เป็นคำถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่5โรงเรียนพะเยาพิทยาคม
เช่น อายุ ผลการศึกษา อาชีพของบิดามารดา ฯลฯ
ตอนที่ 2
เป็นคำถามเกี่ยวกับการก่อเหตุทะเลาะวิวาท
ตอนที่ 3
เป็นคำถามเกี่ยวกับสภาพครอบครัว
ตอนที่ 4
เป็นคำถามเกี่ยวกับบรรยากาศของโรงเรียน
ลักษณะข้อคำถามในเรื่องสภาพครอบครัว
บรรยากาศของโรงเรียน และความประพฤติของเพื่อน แต่ละข้อคำถามมีตัวเลือกให้เลือก 3 ระดับ
โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน คือ
มาก 3 คะแนน
ปานกลาง 2 คะแนน
น้อย 1 คะแนน
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้
ผู้ศึกษาจะใช้วิธีการสอบถามเป็นรายบุคคล โดยสอบถามนักเรียนม.5
โรงเรียนพะเยาพิทยาคมทั้งที่เคย และ ไม่เคย
พบเห็นหรือมีส่วนร่วมในการทะเลาะวิวาททั้งทางตรงและทางอ้อม
การวิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อได้เก็บข้อมูลมาแล้ว
ผู้วิจัยจะตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล แล้วนำไปประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.หาค่าร้อยละ (Percentage) ใช้ในการอธิบายข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างโดยหาค่าร้อยะ
และใช้พรรณนากลุ่มตัวอย่าง
ซึ่งในบางครั้งไม่สามารถวัดพฤติกรรมทัศนคติหรือคุณลักษณะบางอย่างได้โดยตรง
แต่อาจคิดเป็นร้อยละได้โดยการประมาณจากตัวอย่างหรือข้อมูลที่มีอยู่เพื่อดูการกระจายของตัวแปร
2.การทดสอบค่าไคสแควร์
(Chi-square Test) เป็นวิธีการทางสถิติที่ใช้ทดสอบความสัมพันธ์กัน
เพื่อพิจารณาความสัมพันธ์กันระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น